top of page

เคล็ดลับ ประหยัดไฟ
ลดค่าใช้จ่ายห้องเย็น
ห้องแช่แข็ง

ประเทศไทยอากาศค่อนข้างแปรปรวน ในวันหนึ่งมีทั้งร้อน ฝน และอากาศเย็น อุณหภูมิที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลให้ห้องเย็น ห้องแช่แข็ง ทำงานหนักขึ้น และทำให้เสียพลังงานมากขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น โดยพลังงานส่วนใหญ่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมห้องเย็นจะเป็นพลังงานไฟฟ้า

เพื่อใช้ในการเดินเครื่องทำความเย็น ซึ่งใช้ในกระบวนการแช่แข็งและกระบวนการเก็บรักษาวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูป จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมดูแลการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งถ้าเราประหยัดไฟได้นั่นหมายถึงต้นทุนลดลง กำไรก็เพิ่มขึ้น นั่นเอง

มาดูกันว่าเราจะลดค่าไฟฟ้าได้อย่างไร

Screenshot 2564-08-02 at 12.18.24.png

ขนาดห้องกับการจัดเก็บ

มีส่วนสำคัญต่อการประหยัดไฟในห้องเย็น

ขนาดห้องกับการจัดเก็บ มีส่วนสำคัญต่อการประหยัดไฟในห้องเย็น  

เลือกเครื่องทำความเย็นให้เหมาะสมกับการใช้งานและพื้นที่ในการใช้งาน

เพื่อให้ได้ความเย็นที่เหมาะสม ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และประหยัดไฟได้

เลือกใช้วัสดุฉนวนห้องเย็น และอุปกรณ์ทำความเย็นที่มีคุณภาพ

และมีมาตรฐานการผลิตเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของห้องเย็นและให้เสื่อมสภาพน้อยที่สุด

และช่วยให้ประหยัดพลังงานในระยะยาว  จัดสรรพื้นที่การใช้งานและองค์ประกอบต่าง ๆ

ภายในห้องเย็นให้เหมาะสม การใช้ฉนวนห้องเย็นที่หนาขึ้นจะช่วยลดความร้อนจากภายนอก

และทำให้คุณประหยัดไฟได้อย่างเห็นได้ชัด

                                             

Screenshot 2564-08-02 at 12.20.04.png

การตั้งค่าอุณหภูมิ ช่วยประหยัดไฟในห้องเย็นได้ 

1. ตั้งค่าอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสินค้า สินค้ามีหลายประเภทแต่ละประเภทใช้อุณหภูมิการเก็บ

ไม่เท่ากัน เช่น เก็บผักผลไม้ โดยทั่วไปจะใช้แค่ 3 ถึง 8 องศา แต่ถ้าเราตั้งไว้ที่ต่ำกว่า

0 องศาเซลเซียส นอกจากจะทำให้เครื่องคอมเพรสเซอร์ทำงานนานและใช้ไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว

ยังทำให้สินค้าเสียหายอีกด้วยฉะนั้นการตั้งค่า อุณหภูมิห้องเย็นแนะนำให้ตั้งค่าตามอุณหภูมิ

ที่สินค้าต้องการ จะช่วยประหยัดไฟได้

 

2. ควบคุมความชื้นและอุณหภูมิของสินค้าให้เหมาะสม ก่อนการแช่เยือกแข็ง ลดช่องเปิดต่างๆ

ที่เป็นเหตุของการสูญเสียพลังงานให้เหลือน้อยที่สุด และควรติดตั้งม่านพลาสติกกันความเย็น

ไม่ตั้งอุณหภูมิห้องเย็นต่ำจนเกินไป การลดอุณหภูมิในห้องเย็นลง 1 องศาเซลเซียสจะใช้พลังงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1% จัดการหมุนเวียนของอากาศในห้องเย็นให้หมุนเวียนได้ดี

เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่สม่ำเสมอทั่วทั้งห้อง หลีกเลี่ยงการนำแหล่งความร้อน

เช่น การนำสินค้าที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้องมากๆ เข้ามาในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ

หรือการเข้า-ออกห้องเย็นโดยไม่จำเป็น และไม่ควรเปิดประตูห้องเย็นทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ

 

3. ตั้งค่าช่วงเวลาในการตัดและต่อเครื่องคอมเพรสเซอร์ ควรตั้งค่าการหยุดทำงาน

และกลับมาทำงานอีกครั้งของคอมเพรสเซอร์ให้ห่างกัน สัก 6-8 องศา โดยปกติแล้วห้องเย็น

แบบห้องชิลแช่ผักผลไม้ จะใช้อุณหภูมิประมาณ 5 องศา และเมื่ออุณหภูมิได้ 5 องศาแล้ว

เครื่องจะหยุดทำงาน จนกระทั่งอุณหภูมิร้อนขึ้นจนไปถึง 10 องศา (ค่าสมมติ) เครื่องจะกลับมาทำงานอีกครั้ง แสดงว่าเหตุการณ์นี้ตั้งค่าให้ห่างกันแค่ 5 องศา ถ้าเราต้องการประหยัดไฟ

หลักการก็คือให้คอมเพรสเซอร์หรือเครื่องทำความเย็นสตาร์ทให้ไม่บ่อยเกินความจำเป็น

แบบว่า เดี๋ยวตัด เดี๋ยวต่อ เดี๋ยวตัด เดี๋ยวต่อ แบบนี้แสดงว่าเครื่องสตาร์ทบ่อย

เราอาจตั้งค่า Diff ของอุณหภูมิน้อยเกินไป หรืออาจเกิดจากห้องเย็นรั่วก็เป็นได้ ที่ทำให้เครื่องตัดต่อบ่อย หากต้องการให้อุณหภูมิคงที่ 5 องศา โดยเป็นสินค้าที่ sensitive

อุณหภูมิห้ามปรับเปลี่ยนเกินกว่า 1-2 องศา ในลักษณะนี้ หากต้องการประหยัดไฟจริงๆ

ควรใช้คอมเพรสเซอร์แบบ Inverter ซึ่งมีราคาจะสูงมาก จึงต้องมาเปรียบเทียบเรื่องความคุ้มค่า ระหว่างค่าไฟฟ้ากับราคาคอมเพรสเซอร์แบบไหนจะคุ้มหรือเหมาะสมมากกว่ากัน

 

4. ตั้งค่าช่วงเวลาการละลายน้ำแข็ง Defrost ห้องเย็นที่ใช้อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส

ลงไป เช่น -10 หรือ -25 องศาเซลเซียส เป็นต้น ทุกห้องจะต้องมีระบบละลายน้ำแข็ง

หรือเรียกว่าดีฟรอสต์ ส่วนใหญ่จะใช้ฮีทเตอร์ทำความร้อนเพื่อละลายน้ำแข็งบริเวณคอยล์เย็น

ในห้องเย็น ที่ต้องละลายน้ำแข็งก็เพื่อไม่ให้น้ำแข็งไปเกาะที่คอยล์เย็น หากเกิดน้ำแข็งเกาะหนาขึ้น

จะทำให้ลมเย็นไม่ถูกส่งผ่านไปในห้องเพราะถูกน้ำแข็งกั้นบังเอาไว้

 

5. การจะประหยัดไฟได้นั้น ต้องทำให้ฮีทเตอร์ทำงานให้น้อยที่สุด

เพราะฮีทเตอร์ใช้กำลังไฟฟ้าค่อนข้างสูง ถ้าเทียบง่ายๆ ก็จะคล้ายเตารีด หรือ เครื่องปิ้งย่างไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้มีความร้อนจะใช้กำลังไฟฟ้าสูง หรือออกแบบการละลายน้ำแข็งแบบใช้แก๊สร้อน

ของคอมเพรสเซอร์ มาช่วยละลายน้ำแข็ง จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้ดีทีเดียว

 

                                                  

ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ เป็นแบบประหยัดไฟ

   เลือกใช้อุปกรณ์ในระบบทำความเย็นที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพและช่วยประหยัดไฟได้

เลือกสีสว่างให้กับผนังห้อง จะช่วยลดการติดตั้งโคมไฟได้ ติดตั้งดวงไฟให้ตรงกับจุดที่ทำงาน

และเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เช่น เปิดเป็นแถว เปิดเฉพาะจุด ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน

เพื่อลดภาระการทำความเย็นภายในห้องเย็น เลือกใช้แผ่นฉนวนที่ได้ความหนาแน่นตามมาตรฐาน สำหรับเป็นผนังห้องเย็น เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก ลดภาระการทำงานของระบบทำความเย็น  หรือการเลือกอุปกรณ์เอ็กเพ็นชั่นวาล์วแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ในการทำความเย็นได้เต็มที่ ทำให้ได้ความเย็นที่คงที่ คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องตัดบ่อยๆ

ทำให้ประหยัดไฟและยืดอายุการใช้งานคอมเพรสเซอร์ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย    

 

ข้อควรปฎิบัติเพื่อช่วยในการประหยัดไฟห้องเย็น

  • อบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานห้องเย็นแก่พนักงานที่รับผิดชอบ  

 

• ปิดประตูห้องแช่เยือกแข็งและห้องเย็นให้สนิททุกครั้งหลังจากปฏิบัติงาน  

 

• เปิดปิดประตูให้น้อยลงถ้าเป็นไปได้ ถ้าเปิดปิดประตูห้องเย็นน้อย

ความเย็นไม่ออกไปนอกห้องก็จะช่วยประหยัดไฟได้  

 

• อบรมพนักงานฝ่ายผลิตให้เข้าใจพื้นฐานของระบบทำความเย็น

อบรมช่างฝ่ายระบบทำความเย็นให้เข้าใจพื้นฐานของขั้นตอนการผลิต  

 

• ระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายสินค้า ไม่กระแทกผนังห้องเย็นจนบุบหรือเป็นรอยรั่ว

การเก็บสินค้าในห้องเย็นก็จะมีภาชนะใส่สินค้า

เช่น ตะกร้า พาเลท  หรืออื่นๆ หากพนักงานไม่ระวัง